วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559
เที่ยว เวียงจันทน์ กันนะ
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว
สวัสดี ท่านผู้อ่าน ทักทายคะ
มีสถานที่นึง ใกล้บ้านเรานี่เองคะ ลาว เมืองที่มีเสนห์หลากอารมณ์คะ ยังคงมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก โดยเฉพาะชุมชนบ้านเรือน และผู้คนที่เป็นกันเอง ไปที่นี่ ครั้งแรกยังตกใจ ถึงภาษาและวัฒนธรรมใกล้เคียงกับบ้านเรา ดังนั้นหากจะมาเที่ยวที่นี่สบายใจได้ว่าไม่หลงทางอย่างแน่นอน อยากไปเตร็ดเตร่อย่างชิวหน่อยง่ายๆก็เวียงจันทน์ นี่หล่ะ ง่ายสุด จากกรุงเทพ ขึ้นรถปรับอากาศ vip ที่สถานีขนส่งหมอชิด2คะ มีหลายบริษัทเลือกตามสบายเลย แล้วแต่สนนราคา ตามที่สบายกระเป๋าครั้งนี้ใช้บริการของชาญทัวร์คะ ซื้อตั๋วแบบ32ที่นั่งเป็นเบาะนวดไฟ้านะคะกว้างหน่อยกันไว้ เผื่อนั่งไกลจะเมื่อย rateประมาณ450ขึ้น ถ้าให้ดีขาไปรอบค่ำๆประมาณสี่ทุ่ม หลับบนรถจะได้ไม่เสียเวลา ระยะทางจากกรุงเทพหนองคาย 615 กม. ทีเดียว ตื่นมาถึงหนองคายก็เที่ยวกันเลยหละ่
บรรยากาศโดยรอบ จุดผ่านแดนยามเช้าหลังจากลงสถานีปลายทางหนองคาย ยามเช้าอย่างนี้ แวะทานไข่กระทะกันตามธรรมเนียมซะหน่อย ค่อยเช่ารถสกายแลป ตรงไปที่ด่านตม ก่อนข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ราคาต่อรองได้ ประมาณ80 เหมาไปคะความจริงก็ไม่ไกลมากสิบนาที
ไปฝั่งโน้นต้องมีพาสปอร์ตนะคะ เสียค่าผ่านแดน ด้วยคะราคาไม่แพง
(คนที่ไม่มีหนังสือเดินทาง ก็สามารถทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว ได้ โดยใช้บัตรประชาชนเป็นหลักฐาน บัตรผ่านแดนชั่วคราวสามารถอยู่ในเวียงจันทน์ได้ไม่เกิน 3 วัน) หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง รถโดยสารประจำทางพาพวกเราเข้าสู่ประเทศประชาชนลาว
ช่วงสิ่งที่ท่านแสวงหาเริ่มจากที่จุดนี้ สิ่งแรกที่มองหาคือ ที่พัก หันซ้ายหันขวายังงงๆอยู่เลยตัดสินใจเหมาคะ เหมาสามล้อสกายแลป ทั้งหาตระเวณที่พักและที่เที่ยว ง่ายสุดๆแล้ว ทั้งวันราคา500บาทไทย ที่พักหาอยู่สองสามแห่ง มาได้Lao Orchid hotel ทำเลที่ตั้งสะดวกสามารถเดิน ออกมาเที่ยวได้ง่ายๆ หากออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายใกล้ตลาดนัดริมโขงที่เปิดเย็นๆเดินเล่นยามค่เย็นๆเดินเล่นยามค่ำ หรือเลี้ยวขวาเดินทะลุมาถนนหลักที่จะเดินไปที่วงเวียนน้ำพุหาอาหารค่ำ มีร้านดนตรีสด ใกล้ลานน้ำพุเป็น open air ให้ฟัง . จริงแล้วตอนนี้มีโรงแรมเปิดใหม่ขึ้นมาเยอะ ลองมองหาที่ถูกใจเองก็ดี
ร้านอาหารขอบใจเด้อ ตั้งอยู่ใกล้ๆที่พัก ใกล้วงเวียนน้ำพุคะ
ขอบอกอย่างหนึงที่เวียงจันทน์ หน้าร้อนเนี่ยะ ร้อนมากนะแถมสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอยู่กลางแจ้งแดดเปรี้ยงๆอย่างงี้สาวๆทนไม่ไหวแน่ ถ้าอยากชิว แนะนำหน้าหนาวดีสุดไม่งั้นเกรงจะต้องทรมาณกับอากาศหมดอารมณ์เที่ยวซะก่อน มีเวลาหนึ่งวันกับเมืองหลวงเล็กๆแห่งนี้เราคุยกันและตกลงกันว่า..จับที่เที่ยวน่าสนใจที่โดดเด่นที่สุด แล้วล้อหมุนกันตามไปนี้
พระธาตุหลวง ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศลาว โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช สร้างครอบพระธาตุองค์เก่าที่มีมาแต่โบราณกาล ในปัจจุบันสัญลักษณ์ประจำเมืองเวียงจันทน์ และเป็นสัญลักษณ์อยู่ในตราประจำแผ่นดิน และในธนบัตรของ ลาว ด้วย ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติคนละ 5,000 กีบ เปิดทุกวัน 8.00 – 12.00 น. และ 13.00 – 16.00 น.
พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว อดีตเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตก ปัจจุบันพระแก้วมรกตได้ด้ถูกอัญเชิญลงมาประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ ค่าเข้าชม คนละ 5,000 กีบ หรือประมาณ 20 บาท
วัดสีสะเกด ตั้งอยู่เยื้องๆกับพิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว แห่งนี้นั้นได้มีการสร้างขึ้นใน ค.ศ.1818 เป็นวัดที่เก่าแก่ ตรงกลางของวัดศรีสะเกศนั้นจะเป็นโบสถ์ล้อมรอบด้วยระเบียงคต มีความสวยงาม แบบศิลปะล้านช้าง
ตลาดจีน มีสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และของก๊อบแบรนด์เนมชื่อดัง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ต่างนำสินค้าราคาถูก จากประเทศจีนมาจำหน่าย
ให้สกายแลปพาไปตามนี้เลยคะ ประตูชัยวางไว้ที่รายการสุดท้ายเพราะตอนเย็นจะเปิดน้ำพุ และพระอาทิตย์กำลังอำลาขอบฟ้า เปล่งสีสันสวยงามให้พวกเราได้ถ่ายรูปก่อนกลับเข้าพักผ่อน
ประตูชัย สถาปัตยกรรมประตูชัยเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมของฝรั่งเศษกับสถาปัตยกรรมทางท้องถิ่นของลาว เขมร สร้างขึ้นโดยรัฐบาลฝรั่งเศส สมัยเข้ามาครอบครองประเทศ โดยสร้างถนนและประตูชัยให้คล้ายกับ ชอง เอลิเซ่ในฝรั่งเศส แต่ยังสร้างไม่เสร็จดี ชาวลาวก็ประกาสอิสรภาพเสียก่อนศิลปท้องถิ่นจึงเข้ามาผสมผสาน ใครต้องการขึ้นชมทัศนีย์ภาพมุมกว้างๆละก้อเชิญเสียเงินขึ้นด้านบนเลย แต่ละชั้นจะมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก เดินให้ถึงชั้นบนสุดนะคะสามารถเห็นวิวรอบเวียงจันทน์กันทีเดียว เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นชมวิวทิวทัศน์ทุกวัน
ผ่านประตูคนละ 3,000 กีบ เปิดเวลาเปิดเข้าชม ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.
ไงเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว เป็นความคิดที่ดีที่จะกลับเข้าที่พักเอาแรงสักเดี๋ยว ค่อยออกไปลุยต่อยังมีให้เดินจนกว่าจะขาลาก ทั้งตลาดริมโขงมีชีวิตชีวา เตลิดไปถึงวงเวียนน้ำพุซะงั้น
อำลาค่ำคืนนี้ด้วยเบยลาว ที่จำหน่ายทุกซอกมุมถนนเผื่อจะได้หลับลึกเอาใจบรรดาinsomnia people
เช้าวันที่สาม ที่โรงแรมมีอาหารเช้าให้ทานคะ ถึงเมือ่วานจะเหน็ดเหนื่อยปานใด วันนี้ตั้งใจตื่นเช้ามาตักบาตร6โมง ลงมาที่ลอบบี้สอบถามเจ้าหน้าที่ถึงรู้ว่าพระกลับวัดหมดแล้วพระที่นี่ตักบาตรกันตั้งแต่ตีสี่ตีห้าโน่น
เที่ยวเกือบครบก็พอใจแล้วคราวนี้เตรียมตัวกลับกันเถอะ ขากลับก็สบายคะ ย้อนรอยเดิม ไปที่สถานีขนส่งเวียงจันทน์ ซื้อตั๋วกลับถึงหนองคายได้เลยเป็นรถbusนะคะ15000กีบ (ยังไงupdate ราคาใหม่นะคะ) ผ่านตม.ขาเข้าไทยอีกครั้ง ครั้งนี้มีตรวจเรื่องภาษีสินค้านำเข้ากันในรถ พวกบุหรี เหล้า ด้วยหละ
กับเพื่อนร่วมทางบนรถโดยสารชาวตะวันตก
ข้ามพรหมแดนลาว
เข้าสู่หนองคายโดยสวัสดิภาพ ตบท้ายซื้อของฝากที่นี่ ตลาดท่าสด็จ (ตลาดอินโดจีน)แหล่งรวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีน
แวะกราบนมัสการหลวงพ่อพระใส ก่อนกลับ
ร้านอาหารริมน้ำโขง น่านั่งชมวิวสวยๆ ได้นานหน่อยเพราะ รถบัสโดยสารกลับกรุงเทพ4ทุ่มและมาสู่จุดหมายเดิมคือบ้านเรา
เก็บตกภาพ การเดินทางในเวียงจันทน์เมื่องที่กำลังเปลี่ยนผ่านยุคสมัยจากชีวิตที่สงบสู่เมืองอารยะ รอคอยให้คุณ ไปเป็นแขกคนพิเศษ
ช่วงเวลา96ชั่วโมง ที่ใช้ไปไม่ได้หายใจทิ้งเปล่ามันผสมกับอีกหนึ่งประสพการ์ณ ที่ให้ จดจำ ประทับตราไว้ในใจ และลงเอยด้วยความสุข ที่ฝั่งซ้ายของเรา.. เวียงจันทน์
to be continue..Next trip
Short trip diary by Oz experience
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)